FBC Daily - Take care yourself everyday

productivity improvement

การทำงานอย่างมีประสิทธิผลสูงสุด แน่นอนว่าต้องมีพลังงานเปี่ยมล้น ทำให้เกิดไฟในการทำงาน ไม่อิดออดในการใช้ชีวิต เพราะพลังเหลือเฟือ ทำอะไรคิดไว หัวไว ฉลาดหลักแหลม ทั้งสุขภาพกายและใจ ช่วยเพิ่ม productivity improvement ทั้งหมดเป็นผลจากการได้รับสารอาหารเพียงพอต่อวัน เซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. รักษาความเป็นระเบียบในชีวิต ทั้งบ้านและโต๊ะทำงานโดยการจัดสิ่งของให้เป็นระเบียบส่งผลให้สมองเกิดการจัดระเบียบความคิดได้ดีขึ้น ทำให้เราค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งมีประสิทธิภาพมากก็เข้าใกล้ความสำเร็จของ productivity improvement มาก

2. ใช้สมุดกราฟจดบันทึกงาน จดบันทึกงานที่ต้องทำก่อน-ทำหลัง เรียงลำดับความสำคัญของงานในสมุดบันทึกซึ่งทำชีวิตการทำงานง่ายขึ้นมากยิ่งเขียนได้เป็นระเบียบและอ่านเข้าใจมากเท่าไหร่ สมองจะค่อย ๆ จัดระเบียบความคิดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างสูงสุด

3. กินผักผลไม้ และอาหารดีมีประโยชน์ตามหลักโภชนาการ เพื่อให้ได้รับสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน ส่วนใครมีข้อจำกัดในการรับประทานอาหาร ชีวิตเร่งรีบ ทำงานเคร่งเครียดจนสมองอ่อนล้า ร่างกายอ่อนเพลีย ก็อย่าลืมเน้นทาน ผัก ผลไม้เพื่อเสริมสร้างวิตามินจากธรรมชาติ หรือถ้าไม่มีเวลาดูแลตัวเองจริงๆ ก็แนะนำการเสริมด้วยวิตามินรวม 9 ชนิด และแร่ธาตุ 5 ชนิด เป็นทางเลือกเสริมในแต่ละวัน

4. สมาธิ และโฟกัส วิธีการเพิ่มความสามารถในการโฟกัสนอกจากการตัดสิ่งรอบตัวแล้ว ยังมีวิธีการช่วยเพิ่ม productivity improvement ได้ดังนี้

         – นั่งสมาธิ: การนั่งสมาธิในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้คุณมีสติ เพิ่มความสามารถในการโฟกัส ทำให้ไม่วอกแวกง่าย และสามารถนั่งทำงานได้นานขึ้น

         – นอนให้เพียงพอ: การนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสมองและความสดชื่น ลองสังเกตว่าวันไหนที่นอนไม่พอ สมองก็อาจจะตื้อ ไม่สดใส ทำให้คิดงานไม่ออกด้วย

         – ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายช่วยทำให้ร่างกายตื่นตัวและสดชื่น ทำให้สามารถทำงานได้แบบแอคทีฟมากขึ้น

         – กินอาหารที่ดี: อาหารมีส่วนสำคัญในการเติมพลังสมองและส่งผลต่อความแอคทีฟในแต่ละวัน เพราะอาหารบางประเภทเช่น Junk Food ก็ต้องใช้พลังงานในการย่อยเยอะ ทำให้อ่อนเพลียได้เร็วกว่าการกินผักและผลไม้ และยังมีเทรนด์การทานอาหารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่าง IF (Intermittent Fasting) หรือการกินแบบจำกัดช่วงเวลาอีกด้วย

5. การจัดลำดับความสำคัญ: วิธีการจัดลำดับความสำคัญของงานนั้นมีหลากหลายแบบ แต่โมเดลที่คนนิยมใช้คือ Eisenhower Matrix หรือเจ้า Urgent-Important Matrix ซึ่งแบ่งงานออกเป็น 4 ส่วนตามลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนดังภาพ

จะเห็นได้ว่างานแต่ละงานมีความสำคัญไม่เท่ากัน และมันส่งผลกับชีวิตคุณไม่เท่ากันด้วย เช่น ถ้าคุณเป็นพนักงานขาย งานเช็คอีเมลก็ไม่สำคัญเท่าการเตรียมไอเดียพรีเซนต์การขายอย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยหลักในการสร้าง productivity improvement ให้กับชีวิตการทำงานได้เป็นอย่างดี